2 มิถุนายน 2557

: คนที่ถูกรัก



เราจะถูกสอนเสมอว่าให้รักคนอื่น ให้รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
แม้การใช้ของประทานพระคัมภีร์ก็ให้เราอยู่บนเส้นทางแห่งความรัก แล้วสิ่งสำคัญที่สุดก็คือให้เรารักพระเจ้า ไม่ใช่รักธรรมดาด้วย ให้รักด้วยสุดจิตสุดใจสุดกำลัง การให้ความรักกับคนหรือให้กับพระเจ้านั้นไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย บางเวลาเหมือนกับต้องตายต่อตัวเอง และบางครั้งดูเหมือนยิ่งยากขึ้นโดยเฉพาะเวลาที่เราเจอคนที่ไม่น่ารัก แต่ในหลายๆครั้งเราก็เห็นหรือได้ยินถึงผลกระทบของความรักที่ให้ออกไปสามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่งหรือสถานการณ์หนึ่งได้ รักที่ให้ออกไปนั้นเป็นการปล่อยพลังมหาศาล คำถามคืออะไรที่ทำให้คนๆหนึ่งสามารถให้ความรักออกไปได้  อะไรที่สามารถให้คนหยุดคิดถึงตัวเอง พูดคำที่ไม่เคยพูด ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ ไปที่ที่ไม่เคยไป รู้สึกถึงความเจ็บปวดของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเอง พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์อันตราย ทั้งหมดเพื่อเขาจะได้เอาความรักไปถึงคนอื่น อะไรที่อยู่เบื้องหลัง อะไรที่ทำให้คนเป็นอย่างนี้ได้ อะไรทำให้คนหนึ่งให้ความรักออกไปได้

บางครั้งเราลืมเหตุผลง่ายๆที่ว่าถ้าเราจะให้อะไรออกไปเรามีแต่ให้สิ่งที่เรามี เราไม่สามารถให้สิ่งที่เราไม่มีออกไปได้ พระคัมภีร์บอกว่า"เรารักเพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน" คนเราไม่สามารถให้ความรักออกไปได้ถัาเขาไม่เคยรับความรักมาก่อน การได้รับความรักคือการถูกรัก การถูกรักทำให้คนนั้นรู้จักว่าความรักคืออะไร มีรูบแบบอย่างไรและมีพลังมากแค่ไหน พอพูดถึงความรักก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเป็นหญิงชั่ว หญิงนี้มางานเลี้ยงแม้ไม่ได้ถูกเชิญ แต่เธอเลือกที่จะมา เพื่อมาให้ความรักกับพระเยซูท่ามกลางสายตาที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม ท่ามกลางบรรยากาศที่อันตรายในหมู่ผู้ชายที่มีฐานะและอำนาจ กลุ่มคนที่ไม่ใช่แค่ตัดสินเธออย่างเดียวแต่พร้อมที่จะพิพากษาและลงโทษเธอได้เสมอ อะไรทำให้เธอเดินผ่านสภาวะอย่างนี้ไปได้ อะไรทำให้เธอมั่นใจว่าพระเยซูจะต้อนรับเธอในขณะคนอื่นรังเกียจเธอ อะไรทำให้เธอเดินข้ามความกลัวและความอายของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเสรีภาพที่เธอมีในการแสดงความรักให้กับพระเยซูนั้น มันช่างสวยงาม ทำให้เราเห็นถึงหัวใจของการนมัสการที่มีพระเยซูเป็นศูนย์กลาง ที่เราไม่สนตัวเอง ที่เราให้ทุกอย่างออกไปและให้อย่างฟุ่มเฟือย อะไรทำให้เธอเป็นอย่างนี้ได้ 
ไม่ใช่แค่ทำ แต่เป็น 

ในพระคัมภีร์บอกว่ามีสิ่งหนึ่งที่สามารถกำจัดความกลัวได้ สิ่งนั้นก็คือความรักที่สมบูรณ์ ใน 1ยอห์น4:8 บอกว่าในความรักนั้นไม่มีความกลัว ซึ่งเราเห็นชัดมากจากที่พระเยซูอธิบายว่าหญิงนี้รักมากเพราะเธอได้รับการอภัยมาก การให้อภัยคือส่วนหนึ่งของความรัก ดูใน1เปโตร4:8 "ความรักลบความผิดบาปโดยการให้อภัย" เพราะฉะนั้นพลังที่ขับเคลื่อนหญิงนั้นคือการถูกรักจากพระเยซู 

   เมื่อคนหนึ่งถูกรัก 
   ความรักจะทำให้คนนั้นรู้สึกมีคุณค่า 
   อิ่มและไม่ขัดสน ...

และเมื่อคนนั้นได้สัมผัสว่ามีใครอีกคนหนึ่งต้องการความรักเหมือนในอดีตที่เขาเคยแสวงหา เวลานั้นเองที่คนนี้ก็จะสามารถให้ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขออกไปเพราะเขาให้จากสิ่งที่เขามี ซึ่งแตกต่างจากการให้ความรักเพื่อหวังจะได้ความรักหรือผลประโยชน์กลับคืนมา


การถูกรักนั้นเป็นแหล่งกำเนิดพลังอันมหาศาล เราที่เป็นคริสตจักรบางครั้งคงต้องคิดใหม่ คือแทนที่จะจดจ่อผลักดันตัวเองและคนอื่นๆไปรักพระเจ้าซึ่งหลายครั้งก็ทำให้รู้สึงฟ้องผิดและไม่ดีพอ แต่ให้เราเป็นกำลังใจต่อกันและกันในความรักที่พระเจ้าได้ให้กับเราผ่านการตายและการเป็นขึ้น ให้เราอธิษฐานที่ไม้กางเขนจะเป็นความจริงมากขึ้นในชีวิตของเรา และให้เราสอนเทศนาหรือแบ่งปันเรื่องไม้กางเขนและการเป็นขึ้น เพื่อที่เราจะรู้เสมอว่าเราถูกรักแล้ว และให้ความรักนั้นทำงานในเรา และสุดท้ายเพื่อเราจะปลดปล่อยพลังมหาศาลออกไปโดยการให้ความรักแก่คนอื่นและพระเจ้า

การตายของพระเยซูบนไม้กางเขนได้บอกว่าเราทุกคนถูกรักอย่างตลอดกาล เหตุฉะนั้นให้เราใช้ชีวิตที่พร้อมจะให้ความรักหรือพลังมหาศาลนี้ออกไปจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก