4 มกราคม 2559

การแตกแยกในคริสตจักรกับไม้กางเขน


นคริสตจักรมีหลายสถานการณ์ที่เรียกร้องให้ผู้นำและผู้ตามหันมาเผชิญหน้ากันเพื่อแก้ไขปรับปรุงสถานการณ์หนึ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดข้ึนในคริสตจักรเลยแต่ได้เกิดข้ึนมาเยอะพอสมควร นั่นก็คือการแตกแยกทั้งภายในและระหว่างคริสตจักร 

ที่ผ่านมาในเมืองไทยเราเห็นตัวอย่างมากมายที่คริสตจักรเกิดใหม่เป็นผลมาจากการแตกแยก แม้ปัญหานี้จะเป็นปัญหาใหญ่ แต่บ่อยครั้งเรากลับเห็นถึงการขาดความรู้ความเข้าใจและทักษะเพียงพอที่จะเผชิญหน้าและแก้ไขสถานการณ์แบบนี้ด้วยกัน หลายครั้งเราเห็นการแตกแยกที่ปราศจากการแก้ไขความขัดแย้งอย่างสิ้นเชิง โดยต่างฝ่ายต่างใช้ข้ออ้างบางอย่างมาแสดงว่าตนเป็นฝ่ายถูก เช่น เรากำลังเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ หรือ คริสตจักรเราได้ถูกเลือกจากพระเจ้าผ่านคำเผยฯ เป็นต้น 
ทุกการแตกแยกล้วนนำสู่ความเจ็บปวดที่ไม่มีใครอยากได้ ...  วิธีเยียวยานอกเหนือกจากขบวนการแก้ไขความขัดแย้งแล้ว การป้องกันก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วย การป้องกันโดยมาทำความเข้าใจว่าอะไรทำให้เกิดความแตกแยกแล้วมาหาทางกันไม่ให้มันเกิดข้ึน ทั่วไปเราพบว่ามีเหตุผลหลายประการที่ก่อให้เกิดการแตกแยก แต่จากพระคัมภีร์หนังสือ 1 โครินธ์ บทที่ 1 จะพบถึงเหตุผลหนึ่งที่เป็นการนำความแตก แยกเข้ามาในคริสตจักรอย่างแนบเนียน ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการหว่านเมล็ดแห่งการแตกแยกใน
คริสตจักร ที่พอรู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว

สภาพการแตกแยกในคริสตจักรโครินธ์คือ “การโต้เถียงกันหลายครั้งในหมู่พวกท่าน ข้าพเจ้าหมาย ความว่าคนหนึ่งในพวกท่านกล่าวว่า "ข้าพเจ้าติดตามเปาโล" อีกคนหนึ่งว่า "ข้าพเจ้าติดตามอปอลโล" อีกคนหนึ่งว่า "ข้าพเจ้าติดตามเคฟาส" และอีกคนหนึ่งว่า "ข้าพเจ้าติดตามพระคริสต์" "   ให้เราลองใส่ชื่ออาจารย์ที่เรารู้จักแทนที่ อาจช่วยให้เราเข้าใจสถานการณ์มากข้ึน ในกรณีนี้แม้อ้างติดตามพระคริสต์ก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา คำถามที่ต้องถามคืออะไรทำให้คริสตจักรโครินธ์ซึ่งมีการใช้ของประทานอย่างมากมายมาถึงจุดนี้ได้ สิ่งแรกที่พบคือเปาโลบอกว่าเขาดีใจที่ได้บัพติศมาไม่กี่คนในโครินธ์ จากตรงนี้เราจึงเข้าใจได้ว่าคนในคริสตจักรมองไปที่ผู้นำหรือคนที่ทำบัพติศมาให้แก่เขาแล้วสรุปว่าจะตามใคร แต่แล้วเปาโลก็ประกาศชัดว่าเป้าหมายภารกิจของท่าน คือ "พระคริสต์ไม่ได้ส่งข้าพเจ้ามาเพื่อให้บัพติศมา แต่เพื่อให้ประกาศข่าวประเสริฐ" และสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ "ไม่ใช่ด้วยวาทะคมคายตามสติปัญญาของมนุษย์เพราะเกรงว่าไม้กางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์อำนาจ" นี่ก็บ่งบอกถึงเหตุผลหลักของการแตกแยกในคริสตจักรโครินธ์ที่ผ่านมา ทั้งผู้รับกับผู้สอนนั้นต่างมองหาแต่ "วาทะที่คมคาย" ที่ "ตามสติปัญญาของมนุษย์" แต่ไม่ได้ชี้ไปถึงหรือช่วยให้ผู้รับมองไปถึงไม้กางเขนซึ่งก็คือการตายและการเป็นข้ึน มาของพระคริสต์ ดังนั้นการประกาศหรือการสอนด้วย "วาทะคมคายตามสติปัญญาของมนุษย์" ก็กลายเป็นการหว่านเมล็ดการแตกแยกเข้าไปในคริสตจักรด้วย

"วาทะที่คมคาย" หมายถึงทักษะการนำเสนอข้อมูลความรู้ที่รวมถึงความมั่นใจในตัวเองในการนำเสนอ " ตามสติปัญญาของมนุษย์ " นี่ก็ชี้ถึงทักษะและข้อมูลความรู้ทั้งหลายที่ถูกเสนอ ซึ่งถ้าไม่ได้ชี้ไปถึงไม้กางเขนก็เป็นแค่สติปัญญาของมนุษย์ ซึ่งง่ายมากที่จะนำคนมองไปที่มนุษย์ ในกรณีนี้ก็คือผู้สอนหรือผู้นำ คนก็จะมองหาผู้นำที่เก่ง มีทักษะในการนำเสนอ ผู้นำที่ดูมั่นใจ มีของประทานฯที่มีความรู้รวมทั้งความรู้พระคัมภีร์ ผู้นำที่มีสิ่งต่างๆเหล่านี้ถ้าไม่ยอมลดความสำคัญของตัวเองลงแล้วนำผู้รับไปที่กางเขน เขาก็กำลังทำตัวมาแทนที่ความสำคัญของไม้กางเขน หรือที่พระคัมภีร์บอกว่า "เพราะเกรงว่าไม้กางเขนของพระคริสต์จะหมดฤทธิ์อำนาจ"

กิจการ 3:1-16 และ 14:8-20 ทั้งสองเป็นเหตุการณ์ที่มีเนื้อหาคล้ายกัน ทั้งสองบันทึกถึงพฤติกรรมของอัครทูตที่มีต่อฝูงชนในขณะที่ฝูงชนพยายามจะยกย่องสรรเสริญอัครทูตเพราะอัครทูตได้ทำการอัศจรรย์ จากพระคัมภีร์เราเห็นได้อย่างชัดว่าในทั้งสองเหตุการณ์ อัครทูตที่เกี่ยวข้องต่างพยายามปฏิเสธการถูกมองเป็นคนวิเศษโดยการปฏิเสธการยกย่องที่ฝูงชนจะให้ ในกิจการ 3:1-16 หลังจากที่เปโตรได้รักษาคนง่อยที่ประตูพระวิหารและ"คนทั้งปวงต่างประหลาดใจและพากันวิ่งมาหาพวกเขาในบริเวณที่เรียกว่าเฉลียงของโซโลมอน" จากนั้นเปโตรก็พูดอย่างชัดมากว่าที่เขารักษาได้ไม่ใช่เพราะ "ด้วยฤทธิ์อำนาจหรือความชอบธรรมของเราเอง" และส่วนเหตุการณ์ที่สอง เปาโลฉีกเสื้อผ้าตัวเองแล้วพูดอย่างชัดว่า "ท่านทั้งหลาย เหตุใดจึงทำเช่นนี้ ? เราเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเช่นเดียวกับพวกท่าน" ทั้งสองพยายามทุกอย่างที่จะไม่รับการยกย่องที่มองพวกเขาเป็นคนพิเศษ และพยายามบอกกับทุกคนว่าการที่เขาทำการอัศจรรย์ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขากลายเป็นคนวิเศษ ' (ยกมาจากโพสต์วันที่ 5 ตุลาคม 2558 ใน เฟซบุ๊ต Thai Vineyard Friends Community)
"พวกยิวเรียกร้องหมายสำคัญ และพวกกรีกมองหาสติปัญญา" 

แล้วคนไทยพวกเรามองหาอะไร?  ผมขอใช้คำว่า 'ไฮบริด' คือเราคนไทยมองหาทั้งสองอย่าง เรามองหาคนที่ทั้งทำหมายสำคัญการอัศจรรย์ และคนที่มีสติปัญญารวมถึงความรู้พระคัมภีร์ แต่ถึงเวลาแล้วที่เราทั้งผู้สอนและผู้รับต้องมองไปที่ไม้กางเขนของพระเยซู แม้กางเขนจะเป็น “เป็นหินสะดุดสำหรับพวกยิวและเป็นเรื่องโง่ๆ สำหรับพวกต่างชาติ" เพื่อ "ให้ท่านทุกคนปรองดองกันเพื่อจะไม่มีความแตกแยกใดๆในหมู่พวกท่าน และเพื่อท่านจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ทั้งในความคิดและจิตใจ"


ไม่มีความคิดเห็น: