8 กุมภาพันธ์ 2557

: การติดสนิทกับพระเจ้า




ครั้งนี้อยากเขียนถึงสิ่งที่คริสเตียนได้พูดกันมากและมีหนังสือมากมายที่ได้เขียนถึงเรืองนี้ ซึ่งก็คือ"การติดสนิทกับพระเจ้า" จำได้ถึงตอนที่เชื่อพระเยซูใหม่ๆ ช่วงนั้นชีวิตมีความสุขมาก รู้สึกถึงความอิ่มจากภายใน ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว อิ่มเสียจนใด้ไปบอกเลิกกับแฟนที่ไม่เป็นคริสเตียนและที่กำลังมีปัญหาในความสัมพันธ์ ไม่กลัวการสูญเสียเลย เวลานั้นบอกได้ว่ารู้สึกตัวเองถูกรักอย่างมากจากพระเจัาแม้ยังมองตัวเองไร้ค่าก็ตาม ความรักนี้ได้เรื่มเปลี่ยนชีวิตของผม เวลานั้นชอบโบสถ์มาก ชอบพี่น้องในโบสถ์ ชอบนมัสการ ชอบไปกลุ่มย่อย ชอบฟังและคุยเรื่องพระเจ้า โดยเฉพาะตอนดึกหลังเลิกงานเวลาเดินกลับบ้านคนเดียว เป็นช่วงเวลาที่พิเศษมาก เป็นเวลาที่ผมจะพูดคุยกับพระเจ้าพร้อมกับร้องเพลงนมัสการไปด้วย

พอเวลาผ่านไประยะหนึ่งก็เริ่มได้ยินคำสอนจากหลายคนที่รู้จักพระเจ้ามานานกว่าเราและเราก็เชื่อมั่นในสิ่งที่เขาสอนด้วย คำสอนจากพวกเขาจะบอกให้คนที่เป็นผู้เชื่อนั้นต้องทำหลายกิจกรรมเช่นไปโบสถ์ อ่านพระคัมภีร์ ฯลฯ ทั้งหมดที่ให้ทำก็ "เพื่อที่เราจะติดสนิทกับพระเจ้า" พอฟังบ่อยๆเข้าก็คิดว่ามันคงยังมีอะไรที่ดีกว่าที่เราได้รับมา เลยเริ่มทำกิจกรรมเหล่านั้นด้วยท่าทีเพื่อหวังว่าจะไปถึง
"การสนิทกับพระเจ้า" ซึ่งแตกต่างจากตอนแรกที่ทำไปเพื่อตอบสนองความสุขที่ได้รับ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ใดๆเลย

พยายามทำและอยู่ในท่าทีความเข้าใจอย่างนั้นมาหลายปีเลย บางครั้งจะมีประสบการณ์พิเศษ เช่นมีความเข้าใจใหม่ๆจากการอ่านพระคัมภีร์ จะรู้สึกถึงความรักที่พระเจ้ามีให้กับเราขณะที่กำลังทำหรือร่วมพิธีกรรมต่างๆในเวลานมัสการอยู่ในโบสถ์ ในที่ประชุมที่มีคนพิเศษมาสอนหรือเทศนา แต่ประสบการณ์กับความรู้สึกพิเศษเหล่านี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้ง อีกด้านหนึ่งของคำสอนนี้ก็บอกเป็นนัยว่าถ้าเราไม่ทำพิธีหรือกิจกรรมเหล่านี้เราก็จะห่างจากพระเจ้า ความเข้าใจนี้ทำให้ผมรู้สึกกลัวและฟ้องผิดอยู่เสมอโดยเฉพาะเวลาที่เราไม่ค่อยทำสิ่งเหล่านั้นและหรือทำบาปเยอะในช่วงชีวิตนั้น
ให้เรามาหยุดคิดและถามคำถามกันหน่อยเกี่ยวกับคำสอนนี้เพื่อที่จะเข้าใจ 
  • อะไรเป็นตัววัดว่าเราได้ติดสนิทกับพระเจ้าแล้ว เป็นประสบการณ์พิเศษเหล่านั้นหรือเปล่า ?
  • ถ้าใช่นั่นหมายความว่าการติดสนิทกับพระเจ้าคือการมีประสบการณ์และความรู้สึกพิเศษซึ่งทำให้เราต้องแสวงหาสิ่งเหล่านั้นอยู่เสมอๆหรือ ? 
  • แล้วการจะสนิทกับพระเจ้านั้นขึ้นกับเราฝ่ายเดียวเองหรือเปล่า ? 
  • เราต้องทำแค่ไหนค่อยพอ? 
  • ทำไมต้องทำอะไรก่อนจึงค่อยสนิทได้ ? 
  • สนิทแค่ไหนค่อยพอ ?
  • สนิทนานแค่ไหน? (เพราะคำสอนนี้กำลังพูดเป็นนัยว่าบางเวลาเราก็สนิท บางเวลาเราก็ไม่สนิท) 
  • เราที่เป็นผู้ถูกสร้างจะเป็นตัวกำหนดกับผู้สร้างได้ด้วยหรือ? 
  • แล้วการตายของพระเยซูมีความหมายอะไรในประเด็นนี้ ?

พระคัมภีร์บอกว่าเราที่เป็นผู้เชื่อนั้นเปรียบเหมือนแขนงและพระเจ้าเป็นเถา ภาพนี้ไม่ใช่การบอกว่าเรากับพระเจ้าสนิทกันแล้วดั่งเช่นแขนงกับเถาหรือ เป็นไปได้ไหมที่พระคัมภีร์บอกให้ "คงอยู่ในเรา" คือการประกาศถึงสถานภาพที่แท้จริงของเรากับพระเจ้า และพระคัมภีร์กำลังบอกให้เราใช้ชีวิตตอบสนองต่อความจริงนี้ 

ครั้งนี้มีคำถามเยอะหน่อย แต่ก็อยากฟังคำตอบจากคุณ ครั้งหน้าจะมาดูหัวข้อนี้อีกครั้งจากมุมมองการตายของพระเยซู

2 ความคิดเห็น:

Geng กล่าวว่า...

จริงๆ ผมไม่เคยได้ยินคำสอนอื่น เพราะไม่เคยไปที่อื่น แต่ขนาดว่าไม่เคยไปที่อื่นหรือฟังคำสอนอื่น ก็ยังทำให้ บางครั้ง ตัวผมเองยังคิดเลยว่า เราต้องทำอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะสนิทกับพระเจ้า เลยทำให้ที่ผ่านมาก็พยายามทำหลายอย่าง เพราะหวังจะสนิทกับพระเจ้า จนมาวันหนึ่ง มีประสพการณ์กับตัวเอง ตอนที่ตัวผมเอง ทำผิดพลาดอย่างแรงนั่นแหละ ถึงได้เข้าใจสิ่งที่พี่่สุกิจ พยายามพูด เพราะตอนที่่ทำผิดพลาดตอนนั้น เป็นเวลาที่รู็สึกได้เลยว่า พระเจ้าไม่เอาเราแล้วแน่ ๆ เราอยู่ห่างชัวร์ แต่ตอนนี้ ความคิดนั้นเปลี่ยนไปเลย ประสพการณ์ของผมมันบอกว่า ผมไม่ต้องทำอะไรเลย ผมกับพระเจ้าก็สนิทกันแน่นอน ไม่มีทางขาดจากกันด้วย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ใช่เลย เมื่อก่อนเมื่อรับเชื่อพระเจ้าใหม่ ก็เป็นเหมือนที่พี่สุกิจบอก อยากโปโบสถ์ รักพระเจ้า และสัมผัสว่าพระเจ้าก็รักเรามากเหมือนกัน แต่พอนานเข้า มีคนบอกว่าต้องทำตามแบบอย่างเพื่อให้พระเจ้ารัก และต้องทำตามครบขั้นตอนแล้วพระเจ้าจึงจะอยู่กับเรา ตอนนั้นที่ได้เรียนรู้แบบนี้ ตัวเองรู้สึกเลยว่า ทำยากมาก ถามว่ารักพระเจ้ามั้ย คำตอบคือรักพระเจ้าแต่ไม่สามารถทำตามขั้นตอนพิธีกรรมเหล่านั้นได้ กลับรู้สึกแย่ ฟ้องผิดตัวเองตลอด .........แต่ตอนนี้รู้ความจริงจากบทความแล้วว่า พ่อรักเราเสมอ เราติดสนิทกับพระเจ้าแล้ว ไม่ต้องทำให้เหนื่อเปล่า ........อิสระ