5 มิถุนายน 2559

: ใช้ชีวิตให้ถูกยุค ep 3

ตั้งแต่จำความได้ก็เห็นภาพผู้ใหญ่เอาสิ่งของมีค่ามาถวายให้สิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 
อีกนัยหนึ่งการที่เรามองสิ่งใดศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นเพราะเราเชื่อว่าเราไม่ศักดิ์สิทธิ์ เราเป็นมลทินและสิ่งนั้นมีอำนาจและพลังเหนือกว่าเรา ยิ่งไปกว่านั้นเราเข้าใจว่าถ้าเราอยากได้อะไรดีๆเราต้องเอาใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นด้วยการถวายเครื่องบูชา และหรือประพฤติตามคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ  บางครั้งเราก็เข้าใจไปด้วยว่าเมื่อเราทำสิ่งเหล่านั้นเราจะเริ่มเป็นคนศักดิ์สิทธิ์เหมือนสิ่งที่เราบูชา ในกรอบความคิดแบบนี้ยิ่งส่งเสริมให้ถวายมากขึ้นทำมากขึ้น เพราะความเข้าใจกำลังบอกว่ายิ่งให้ออกไปมากหรือยิ่งเสียสละมาก เราก็จะยิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้น และความศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นเหตุผลที่บอกกับตัวเองว่า เราเป็นคนพิเศษ และเราสมควรได้สิ่งดีๆจากสิ่งที่เราบูชา แต่ถ้ามองให้ดีๆแล้ว การถวายเครื่องบูชาเป็นระบบที่อยู่บนการแลกเปลี่ยนโดยสิ่งตอบแทนที่ได้มาก็จะตามความคู่ควรจากการกระทำของเรา 

ตั้งแต่การล้มลงของอาดัมคนแรก มนุษย์เริ่มคุ้นเคยกับระบบถวายเครื่องบูชา และเมื่อพระเจ้าให้บัญญัติแก่ชาวอิสราเอลโดยมีพระเจ้าเป็นผู้รับการบูชา บัญญัติก็เริ่มทำหน้าที่ผลักดันการถวายเครื่องบูชาไปถึงสุดขีดภายใต้บริบท  ฮีบรูบทที่10:1 บอกไว้ว่า “บัญญัติเป็นแต่เพียงเงาของสิ่งประเสริฐซึ่งจะมาถึง ไม่ใช่ของจริง.. เพราะเหตุนี้จึงไม่สามารถทำให้ผู้เข้าเฝ้านมัสการสมบูรณ์พร้อมด้วยเครื่องบูชาเดิมๆ ซึ่งถวายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกๆ ปีไม่มีสิ้นสุด" อีกหน้าที่หนึ่งของการถวายเครื่องบูชาภายใต้บัญญัติคือการเตรียมมนุษย์ให้มารับความจริงหรือเครื่องบูชาที่แท้จริง ซึ่งเป็นเครื่องบูชาที่ไม่ได้จัดเตรียมโดยมนุษย์อย่างในช่วงบัญญัติ ส่วนเครื่องบูชาเองก็ไม่ใช่สัตว์ที่ถูกพระเจ้าสร้างขึ้นมาแต่เป็นบุตรของพระเจ้าเองที่ลงมาจากสวรรค์ การถวายเครื่องบูชาที่แท้จริงจึงสามารถไถ่บาปเราได้หมดทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต ไม่ต้องถวายซำ้แล้วซำ้เล่าอีก อย่างที่บอกไว้ใน ฮีบรู 10:10 "และโดยพระประสงค์นี้เราทั้งหลายจึงได้รับการทรงชำระให้บริสุทธิ์ โดยการถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเป็นพอ"


ฮีบรู 10:9 "พระองค์ทรงยกเลิกระบบแรกเพื่อตั้งระบบที่สอง" เพราะการตายนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของพันธสัญญาใหม่และจุดสิ้นสุดของระบบเดิม และในระบบใหม่นี้มีความจริงอย่างหนึ่งที่การตายของพระเยซูได้ทำสำเร็จไว้คือการหมดยุคแห่งการถวายเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาป เนื่องจากพระเยซูเป็นเครื่องบูชาที่แท้จริงและสมบูรณ์ที่สุด ฮีบรู 10:18 "เมื่อทรงอภัยบาปให้แล้วก็ไม่ต้องมีการถวายเครื่องบูชาสำหรับไถ่บาปอีกเลย" เราจึงไม่ต้องหาอะไรหรือคิดว่าจะต้องทำอะไรเพื่อให้เราบริสุทธิ์ในพระเจ้า เวลาใดที่เราคิดหรือรู้สึกว่าเราบริสุทธิ์มากขึ้นเพราะได้ทำหรือเสียสละะบางอย่างไป เรากำลังบอกว่าการกระทำของเรามีค่ามากกว่าการตายบนไม้กางเขนของพระเยซูซึ่งเท่ากับเป็นท่าทีที่เย่อหยิ่ง



สุดท้าย ขอให้เรายอมรับความจริงและใช้ชีวิตบนความจริงนี้ที่ว่าเราเป็นคนบริสุทธิ์เพราะสิ่งที่พระเยซูได้ทำสำเร็จแล้วบนไม้กางเขน ไม่ใช่ด้วยการกระทำของเราเลย....นี่คือข่าวดี




: ความหมายของ "บาป"



วันนี้ นึกถึงคำนี้นะครับ "บาป" เป็นคำที่เราคุ้นเคยกัน แต่เวลาเราอ่านพระคัมภีร์เคยมีคำถามไหมครับว่าคำนี้เป็นแบบที่เราคิดว่าเข้าใจหรือเปล่า ผมบอกได้เลยครับว่าคำนี้เราเอามาจากศาสนาอื่นๆ ลองมาดูไหมครับว่าคำว่า "บาป" ในพระคัมภีร์ของคริสเตียน จริงๆแล้วพูดอย่างไร และพระเยซูทำอย่างไรกับไอ้สิ่งที่ชื่อ"บาป"

1.  ความเชื่อทั่วๆไปที่คริสเตียนก๊อปมาจากศาสนาอื่น คือว่า "บาป" คือการทำผิดกฎ ผิดศีล ผิดบัญญัติ ใครที่เชื่อแบบนี้ ลองอ่านต่อไปนะครับ ความคิดผม ผมว่าเราเชื่อผิดมาตลอด เรายืมเอาคำของศาสนาอื่นมาใช้และเราเอาความหมายของเขามาด้วย  แต่ดูเหมือนพระคัมภีร์กล่าวอีกอย่างครับ ก็เตรียมโยนความเข้าใจแบบเดิมๆทิ้งถังขยะได้เลยครับ ลองอ่านต่อนะ ยาวนิดหนึ่งแต่อ่านเถอะ

2. บาป" ปรากฎอยู่หลายตอนในทั้งพระคัมภีร์เดิมและใหม่ ซึ่งถ้าอ่านดูดีๆ จะพบว่าความบาปมีลักษณะความเป็นบุคคล หรือเป็นพลัง หรือเป็นมวลสาร บางอย่าง สามารถกระทำการบางอย่างได้ด้วยตัวเอง มีตัวตน มีพลังในการครอบงำคนได้ และสามารถมีอิทธิพลทำให้มนุษย์ทำกิจกรรมที่เรียกว่าความบาป หรือมีรูปแบบชีวิตที่เรียกว่าวิสัยบาป (กาลาเทีย 5: 13-21) มันแปลว่าอะไรครับ แปลว่า"บาป" ไม่ใช่เรื่องการทำผิดบัญญัติหรือศีลแบบที่เชื่อกัน แต่ความ "บาป" แสดงตัวเป็นบุคคลชัดเจน เช่น

ปฐมกาล 4:7 "...หากเจ้าทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง บาปก็หมอบอยู่ที่ประตูคอยเล่นงานเจ้า แต่เจ้าจะต้องชนะบาป" ในที่นี้เราพบบาปที่ดำรงค์อยู่ตั้งแต่ยุคแรกๆของโลกก่อนที่จะมีศีลหรือบัญญัติหรือหลักความดีความชั่ว "บาป" สามารถหมอบคอยเล่นงานคนได้ด้วย "บาป" สามารถแพ้และชนะได้ และที่สำคัญสิ่งๆนี้หรือบุคคลนี้อยู่มาตั้งแต่ยุคแรกของโลก

รม 5:12 "บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และบาปนำความตายมา และโดยทางนี้เองความตายจึงมาถึงมวลมนุษย์เพราะทุกคนได้ทำบาป" บาปสามารถเคลื่อนตัวเข้ามาในโลกได้และพาเพื่อนที่ชื่อความตายมาด้วย เพราะมนุษย์ทำกิจกรรมที่เรียกว่าบาป 

โรม 6: 17 "แต่ขอบคุณพระเจ้าที่แม้ท่านเคยเป็นทาสของบาป..." บาปสามารถทำตัวเป็นเจ้านายและทำคนให้เป็นทาสได้

และยังมีอีกหลายๆข้อในพระคัมภีร์โรมที่ชี้ชัดว่า"บาป" ไม่ใช่หลักการเรื่องการทำผิดบัญญัติ แต่หมายถึง พลังงานบางอย่าง มีความเป็นบุคคล เป็นฤทธิ์อำนาจบางอย่าง ที่อยู่มาตั้งแต่ยุคแรกของโลก และมีอำนาจในการครอบงำมนุษย์ให้ทำกิจกรรมบาป หรือตกอยู่ในความอ่อนแอที่เรียกว่าวิสัยบาป

3. หน้าที่ของธรรมบัญญัติ คืออะไรครับบางคนบอกว่า ธรรมบัญญัติมีให้เราทำเพื่อเราจะมีชีวิตที่บริสุทธิ์กับพระเจ้า ผิดครับ ไอเดียดังกล่าวมาจากศาสนาอื่นอีกแล้วครับ ลองดูพระคัมภีร์เหล่านี้ด้วยกัน ธรรมบัญญัติมีเพื่ออะไร!

โรม 3:20 "ฉะนั้นไม่มีใครได้ชื่อว่าเป็นผู้ชอบธรรมในสายตาของพระเจ้าโดยการรักษาบัญญัติ บทบัญญัติเพียงแต่ทำให้เรารู้ตัวว่ามีบาป"  หน้าที่ของบัญญัติคือที่มนุษย์จะรู้ว่าทำอย่างไรก็ทำตามบัญญัติไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่มีแค่บัญญัติกับพระเจ้าเท่านั้น แต่มีบุคคลที่สามซึ่งเป็นพลังงานหรือบุคคลที่เรียกว่า "บาป" ออกฤทธิ์อยู่เบื้องหลัง มนุษย์จึงไม่สามารถทำตามบัญญัติได้ เมื่อมนุษย์ทำตามบัญญัติไม่ได้ ไอ้ฤทธิ์อำนาจนี้ที่เรียกว่า "บาป" จะถูกเปิดโปงว่ามีตัวตนอยู่จริง และเมื่อนั้นเราต้องการพระคุณพระเยซูที่ตายบนไม้กางเขนเพื่อเราปลดปล่อยเราจาก "บาป"
ธรรมบัญญัติจึงมีหน้าที่ให้เราทำอย่างไรก็ทำไม่ได้ เพื่อเราจะรู้ว่า "บาป" มีจริง มีตัวตน และเราจะพบพระเยซู


4. บาปมีบางอย่างที่เชื่อมกับมารเป็นอย่างมาก 
1 ยอห์น 3:8 "ผู้ที่ทำบาปก็มาจากมาร เพราะมารทำบาปมาตั้งแต่ปฐมกาล" ดูเหมือนมารจะคล้ายๆกับบุคคลหรือพลังงานที่ชื่อ "บาป" เป็นอย่างมาก และทำให้คนทั้งโลกเริ่มทำบาปเหมือนกันด้วย

5.แล้วพระเยซูเกี่ยวอย่างไรครับ
ฮีบรู 9:15 "ด้วยเหตุนี้พระคริสต์จึงทรงเป็นคนกลางของพันธสัญญาใหม่ เพื่อบรรดาผู้ที่ทรงเรียกนั้นจะได้รับมรดกนิรันดร์ซึ่งทรงสัญญาไว้ เพราะพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์เป็นค่าไถ่เพื่อปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระจากบาปซึ่งได้ทำภายใต้พันธสัญญาแรก" พระคริสต์ตายไถ่บาปของเราปลดปล่อยเราจากการเป็นทาสของ "บาป"  

6. บาปและพระคุณ
โรม 5: 21 "เพื่อว่าบาปได้ครอบครองในความตายฉันใด พระคุณจะได้ครอบครองผ่านทางความชอบธรรมเพื่อชีวิตนิรันดร์จะมาทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น"  ในข้อนี้จะพบว่ามีฤทธิ์อำนาจอีกชนิดที่ตรงข้ามกับ "บาป" ฤทธิ์อำนาจชนิดนี้มาจากพระเจ้าครับ มีอิทธิพลในการช่วยเหลือผู้คนในด้านต่างๆ เช่นสามารถช่วยให้คนหลุดพ้นจากพฤติกรรมความบาป เปลี่ยนแปลงชีวิต หรือมารู้จักพระเจ้า มีการรักษาโรค มีการอัศจรรย์ เป็นฤทธิ์ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพระเจ้า "พระคุณ" มิได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับบุญคุณของพระเจ้าที่เราไม่ควรได้รับแบบที่หลายๆกลุ่มเชื่อ ซึ่งพระคัมภีร์ระบุว่าพระเยซูเองเติบโตขึ้นมาบริบูรณ์ด้วย"พระคุณ" ในมุมมองของผมนะครับ "พระคุณ" คือการสถิตย์ของพระเจ้า คือหน้าหรือการทรงสถิตย์ของพระเจ้า คือการอัศจรรย์ ความช่วยเหลือ กำลัง ความคุ้มครอง ความรัก ที่มาจากพระเจ้า โดยไม่เกี่ยวว่าเราคู่ควรหรือไม่ พระเยซูตายเพื่อเราเป็นการที่พระเยซูกำลังบอกว่าเราคู่ควร 

ฮีบรู 4:16 "ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาใกล้พระบัลลังก์แห่งพระคุณด้วยความมั่นใจ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตาและจะพบพระคุณที่จะช่วยเหลือเราเมื่อถึงคราวจำเป็น" พระคุณเป็นอะไรที่เราเข้าไปรับได้ฟรีๆ เป็นกำลัง เป็นความช่วยเหลือ ไม่ใช่เรื่องของบุญคุณ มันแค่เป็นคำที่เรายืมศาสนาอื่นมาใช้ทำให้เข้าใจผิด 

7. ผมขอสรุปสั้นๆตอนนี้นะครับ "บาป" ไม่ใช่การทำผิดบัญญัติหรือศีลครับ แต่ "บาป" มีความเป็นบุคคล มีฤทธิ์อำนาจในการครอบงำ และเกี่ยวข้องกับมารเป็นอย่างมาก หรืออีกนัยหนึ่งตามคำพูดของผมเอง "บาป" คือการครอบครองของมาร เกี่ยวข้องกับมารผู้อยู่เบื้องหลังเป็นอย่างมาก "พระคุณ" คือการครอบครองของพระเจ้า มาทางพระเยซู และทุกคนสมควรได้ครับ 

8. อีกนิดหนึ่งนะครับ แล้ว "บาป" กับ "มาร" เกี่ยวข้องกันอย่างไร ผมขอยกตัวอย่างคำสองคำนะครับ "นาซี" กับ "ฮิตเล่อ" พูดถึงนาซีก็คือพูดถึงฮิตเล่อ พูดถึงกิจกรรมของนาซีสุดท้ายก็ไม่พ้นฮิตเล่อครับ "บาป" ก็สะท้อนถึงมาร

ท้ายสุดแล้วครับ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมพบ และต้องยอมรับว่ามันอาจจะไม่ถูกต้องซะทีเดียวมีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจและยังต้องรู้จักพระเจ้าอีกมาก ต้องพึ่งพระคุณอีกมาก แต่อย่าน้อยผมก็หวังใจว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนความเข้าใจสิ่งที่พระเยซูทำบนไม้กางเขนอย่างมาก เรื่องของ "พระคุณ" จะยิ่งมีค่ามากขึ้น พระเยซูตายเพื่อเราจริงๆ ยกโทษบาปให้เรา และ "บาป" ไม่มีอำนาจในเราอีกต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากอยู่ในเรา เรากลายเป็นลูกที่รักของพระเจ้า นี่คือข่าวประเสริฐครับ

สวัสดี