28 เมษายน 2559

:ใช้ชีวิตให้ถูกยุค.. The Intro

บทนำ

เวลาของโลกเรานั้นถูกแบ่งออกเป็นยุคต่างๆ บางครั้งก็แบ่งตามเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกระทบต่อโลก เช่นสงครามโลกครั้งที่ 1 กับครั้งที่ 2 ตามที่ประวัติศาสตร์ได้แบ่งเป็นยุคก่อนสงครามโลก ช่วงสงคราม และหลังสงคราม สังคมของแต่ละยุคได้เปลี่ยนไปตามผลกระทบของเหตุการณ์นั้น หลังสงครามวิถีชีวิตของคน ความสัมพันธ์ ภาษา การแต่งกาย การอยู่อาศัย อาหารการกิน ก็แตกต่างจากยุคช่วงสงคราม และยุคก่อนสงคราม ทั้งหมดก็เพราะผลกระทบจากสงครามนั้นรุนแรงถึงขั้นที่มนุษย์และสังคมต้องเปลี่ยนไป แต่ถ้าใครก็ตามไม่ยอมรับหรือไม่รู้ว่ายุคใหม่ได้เกิดขึ้น ชีวิตคงจะสับสนไม่น้อย 

พระคัมภีร์บอกไว้ว่าเวลาของโลกมนุษย์ได้แบ่งเป็นสองยุคใหญ่ๆ คือยุคพันธสัญญาเก่า กับยุคพันธสัญญาใหม่

เยเรมีย์ 31:31-32 'องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เวลานั้นจะมาถึง เมื่อเราจะทำพันธสัญญาใหม่ กับพงศ์พันธุ์อิสราเอล และกับพงศ์พันธุ์ยูดาห์ เป็นพันธสัญญาซึ่งไม่เหมือนพันธสัญญาที่เราได้ทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา เมื่อเราจูงมือพวกเขานำออกมาจากดินแดนอียิปต์ เพราะพวกเขาละเมิดพันธสัญญาที่ทำไว้กับเรา ทั้งๆ ที่เราเป็นเจ้านายของพวกเขา”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น' 

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจากพันธสัญญาเก่าสู่พันธสัญญาใหม่ และจุดเริ่มต้นของพันธสัญญาใหม่นั้นล้วนเป็นผลกระทบจากชีวิตของพระเยซู โดยเฉพาะจากการตายบนไม้กางเขนและการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู  

ฮีบรู 9:11-15 "เมื่อพระคริสต์ทรงมาในฐานะมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐต่างๆ ซึ่งได้มาถึงแล้วพระองค์ทรงผ่านเข้าสู่พลับพลาที่ยิ่งใหญ่กว่าและสมบูรณ์กว่า ซึ่งไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือมนุษย์ กล่าวคือไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทรงสร้างนี้ 
12 พระองค์ไม่ได้ทรงเข้าไปด้วยเลือดแพะหรือเลือดวัว แต่พระองค์ทรงเข้าไปสู่อภิสุทธิสถานด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง พระองค์ทรงกระทำเช่นนี้เพียงครั้งเดียวเป็นพอและได้การไถ่บาปชั่วนิรันดร์มา

13 เลือดแพะเลือดวัวหรือเถ้าถ่านจากวัวตัวเมียที่ประพรมลงบนผู้มีมลทินตามระเบียบพิธีได้ชำระเขาให้บริสุทธิ์ เพื่อเขาจะสะอาดภายนอก 
14 แล้วยิ่งกว่านั้นสักเพียงใดพระโลหิตของพระคริสต์ผู้ถวายพระองค์เองอย่างปราศจากตำหนิแด่พระเจ้าโดยทางพระวิญญาณนิรันดร์ ย่อมชำระจิตสำนึกของเราจากการกระทำอันนำไปสู่ความตาย เพื่อเราจะได้รับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่!

15ด้วยเหตุนี้พระคริสต์จึงทรงเป็นคนกลางของพันธสัญญาใหม่ เพื่อบรรดาผู้ที่ทรงเรียกนั้นจะได้รับมรดกนิรันดร์ซึ่งทรงสัญญาไว้ เพราะพระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์เป็นค่าไถ่เพื่อปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระจากบาปซึ่งได้ทำภายใต้พันธสัญญาแรก"

ฮีบรู 7:12-16 "เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงระบอบปุโรหิตก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติด้วย 
13 พระองค์ผู้ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้บ่งถึงนั้นมาจากตระกูลอื่น และไม่มีใครจากตระกูลนั้นเคยปรนนิบัติที่แท่นบูชา 
14 เนื่องจากเห็นชัดเจนอยู่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงสืบสายจากตระกูลยูดาห์ ซึ่งเป็นตระกูลที่โมเสสไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงเลยในเรื่องปุโรหิต 
15 และสิ่งที่เราได้กล่าวนั้นจะเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นถ้าปุโรหิตอีกผู้หนึ่งเฉกเช่นเมลคีเซเดคปรากฏขึ้น 
16 ผู้ที่เป็นปุโรหิตโดยไม่ได้อาศัยกฎระเบียบการสืบทอดตามบรรพบุรุษของเขา แต่โดยอาศัยอานุภาพแห่งชีวิตซึ่งไม่อาจทำลายได้ " 

พระเยซูเป็นมหาปุโรหิตที่ไม่ได้มาตามกฎระเบียบการสืบทอดตามบรรพบุรุษ คือพระเยซูมาจากตระกูลยูดาห์ไม่ใช่ตระกูลเลวี ฉะนั้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงจากระบอบเดิมสู่ระบอบพันธสัญญาใหม่ ฮีบรู 8:13 "โดยการตรัสเรียกพันธสัญญานี้ว่า “พันธสัญญาใหม่” พระองค์ทรงทำให้พันธสัญญาแรกพ้นสมัยไป สิ่งที่พ้นสมัยหรือเก่าย่อมจะสูญสิ้นไปในไม่ช้า"

เพราะฉะนั้นจึงสำคัญมากที่เราต้องรู้ว่าชีวิตของพระเยซูขณะอยู่บนโลก พร้อมกับการตายและการเป็นขึ้นของพระเยซูมีผลกระทบอย่างไรกับเรา และพันธสัญญาเก่ากับใหม่แตกต่างกันอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเราจะสามารถใช้ชีวิตให้ถูกยุค ไม่สับสน แต่มีพลังตามที่พระเจ้าได้บอกไว้ในพันธสัญญาใหม่ 

ครั้งต่อไปเราจะเริ่มมาทำความเข้าใจประเด็นต่างๆข้างต้น และหวังว่าทุกคนจะแสดงความคิดเห็นต่อทุกบทความ รวมถึงบทความนี้ด้วย เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในผู้เชื่อทุกคน ทุกความคิดเห็นจึงเป็นประโยชน์ และมีความหมาย ..... 



5 เมษายน 2559

:ไม่รู้จักที่อยู่พ่อ.. จะไปได้อย่างไร?


ก่อนพระเยซูถูกตรึงบนกางขน พระเยซูได้ใช้โอกาสใน ยอห์น บทที่14 บอกกับเหล่าสาวกว่าพระเยซูกำลังไปที่บ้านของพระบิดา หรือ พ่อ และพระเยซูบอกด้วยว่าพระองค์ไปเพื่อเตรียมที่ให้กับสาวก แล้วสิ่งสำคัญคือพระองค์จะกลับมารับพวกเขาไปอยู่ด้วย ที่น่าสนใจมากคือที่พระเยซูทึกทักว่าเหล่าสาวกเข้าใจและรู้ว่าพระเยซูกำลังไปไหน และไปด้วยทางไหน โธมัสจึงต้องพูดออกมาว่า “พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์ไม่รู้ว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน ดังนั้นพวกข้าพระองค์จะรู้จักทางนั้นได้อย่างไร?” ถ้าพูดกันตรงๆก็คือไม่รู้จักที่อยู่ของบ้านพ่อ แล้วจะไปได้อย่างไร คำตอบของพระเยซูที่ตามมายิ่งทำให้การสนทนานี้น่าสนใจยิ่งขึ้น พระเยซูตอบว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา" ก่อนหน้านี้ไม่ใช่พูดถึงบ้านพ่อเหรอ แต่แล้วพอถามเข้าจริงๆ ทำไมกลายเป็นไม่ใช่สถานที่จะไป แต่เป็นบุคคลคือพ่อต่างหากที่จะไปหา 

หลายครั้งจากยอห์นบทนี้ เราต่างเข้าใจว่าสวรรค์คือที่พระเยซูจะมารับเราไป และบนสวรรค์ผู้เชื่อทุกคนมีบ้านที่พระบิดาเตรียมให้กับเรา และบางครั้งเรายังพูดคุยสนุกว่าใครทำอะไรให้พระเจ้าเยอะก็จะมีบ้านใหญ่กว่าเป็นพิเศษ ถ้ามาหยุดคิดก็น่าคิดว่าการมีบ้านบนสวรรค์มันสำคัญมากไหม ซึ่งในพระคัมภีร์ก็ไม่มีพูดถึงเลย มีแต่ว่าในสวรรค์นั้นเราต่างตกอยู่ในความสวยงามของพระบิดาแบบหน้าต่อหน้า และตลอดเวลาเรามีแต่การนมัสการและสรรเสริญ เพราะที่นั้นเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด ถ้ามีบ้านก็ไม่ต้องมีรั้วกั้น และในความเป็นลูกของพระเจ้า เราจะร่วมครอบครองกับคุณพ่อด้วยกัน

จากคำพูดของพระเยซูเองก็ได้พูดชัดมากคือพระเยซูกำลังไปหาคุณพ่อ แล้วพระเยซูก็พูดถึงข้างหน้าว่าเหล่าสาวกจะทำสิ่งที่พระเยซูทำอยู่และจะทำการใหญ่ยิ่งกว่าพระเยซู (ยอห์น 14:12) ซึ่งแน่นอนที่นี่ไม่ได้หมายถึงสวรรค์ เพราะบนสวรรค์เราไม่ต้องทำอะไรยิ่งใหญ่อีกแล้ว ยอห์น 14:18-20 "เราจะไม่ทิ้งพวกท่านให้เป็นลูกกำพร้า เราจะมาหาพวกท่าน อีกไม่นานนักโลกก็จะไม่ได้เห็นเราอีกแต่พวกท่านจะเห็นเรา เพราะเรามีชีวิตอยู่ท่านทั้งหลายก็จะมีชีวิตอยู่ด้วย ในวันนั้นพวกท่านจะตระหนักว่าเราอยู่ในพระบิดาของเราและพวกท่านอยู่ในเราและเราอยู่ในพวกท่าน" อีกครั้งหนึ่งที่ย้ำว่าไม่ใช่สวรรค์ แต่เป็นเวลาของเราที่อยู่บนโลกนี้ต่างหาก เพราะตรงนี้ยังพูดถึงว่าเรายังอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่สาวกบนโลกนี้ ฉะนั้นที่พระคัมภีร์พูดถึง 'ในวันนั้น' ที่พระเยซูจะอยู่ในเรา และเราอยู่ในพระเยซูนั้น คือช่วงเวลาหลังจากเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซูที่ทำให้เราอยู่ในสถานภาพอย่างนั้นได้ และเป็นเพราะพระเยซูที่อยู่ในเรา เราจึงอยู่กับพ่อได้อย่างพระเยซู เพราะฉะนั้นวันนี้เราได้อยู่กับพ่อแล้ว ชีวิตนิรันดร์ได้เริ่มตั้งแต่วินาทีที่เราเชื่อ ยอห์น 17:3 นี่แหละคือชีวิตนิรันดร์ คือที่เขารู้จักพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียว และรู้จักพระเยซูคริสต์ผู้ซึ่งพระองค์ทรงส่งมา 

บ้านที่แท้จริงไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นความผูกพันโดยเฉพาะกับคุณพ่อ การผูกพันนั้นบอกว่าเรามาจากไหน และเราเป็นใคร การตายและการเป็นขึ้นของพระเยซูได้ให้มนุษย์ทุกคนกลับบ้านได้และเป็นสุข