26 กรกฎาคม 2559

: ชีวิตในการพักผ่อน


หลังจากการสร้างโลก "พระเจ้าทอดพระเนตรทุกสิ่งที่ทรงสร้างขึ้น ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก" (ปฐมกาล 1:31) พระเจ้าได้ใช้เวลามาชื่นชมทุกสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา และพร้อมกับการชื่นชมพระเจ้าก็ใช้วันต่อมาทั้งวันมา "หยุดพักจากพระราชกิจทั้งปวงของพระองค์" (ปฐมกาล 2:2) การหยุดพักนี้ไม่ใช่หยุดเพราะเหนื่อย แต่เป็นการหยุดจากการงานสร้าง เพราะทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้านั้น"ดียิ่งนัก" หรือ สมบูรณ์ไม่มีที่ติ ไม่ต้องมีการเพิ่มเติมหรือแก้ไข และในวันที่เจ็ดพระเจ้าได้ "...ทรงอวยพรวันที่เจ็ดและทรงตั้งขึ้นเป็นวันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์..." (ปฐมกาล 2:3) ความบริสุทธิ์คือการถูกแยกออกมาให้พระเจ้า วันที่มายอมรับกันว่าทุกสิ่งรวมถึงชีวิตเราล้วนมาจากพระเจ้าซื่งเป็นทั้งผู้จัดเตรียมและจัดสรร เป็นวันเวลาที่เราต่างมาชื่นชมกับการงานของพระเจ้าว่าเป็นการงานที่สมบูรณ์และเพียงพอ เป็นวันที่เราสามารถพักผ่อนหรือใชัชีวิตอยู่บนผลของการงานของพระเจ้าที่ทำสำเร็จแล้ว นี่คือวันสะบาโตแรกที่พระเจ้าได้มอบให้กับมนุษย์ “วันสะบาโตมีขึ้นเพื่อมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์มีขึ้นเพื่อวันสะบาโต" (มาระโก 2:27)

หนังสืออพยพได้บันทึกว่าอิสราเอลได้ถือรักษาวันสะบาโตมาตลอด เช่นในเวลาที่พระเจ้าส่งมานาลงมาให้อิสราเอล โมเสสบอกกับพวกอิสราเอลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า ‘ให้พรุ่งนี้เป็นวันแห่งการหยุดพักคือวันสะบาโตอันบริสุทธิ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ฉะนั้นวันนี้จงปิ้งหรือต้มอาหารไว้ตามความต้องการ แล้วเก็บส่วนที่เหลือไว้จนรุ่งเช้า’ดังนั้นพวกเขาจึงเก็บอาหารไว้จนรุ่งเช้าตามที่โมเสสสั่งไว้ และอาหารนั้นก็ไม่เน่าเหม็นและไม่มีหนอน โมเสสกล่าวว่า “นี่เป็นอาหารของท่านสำหรับวันนี้ เพราะวันนี้เป็นวันสะบาโตแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านจะไม่พบอาหารตามพื้นดินในวันนี้ ตลอดหกวันท่านจงเก็บอาหาร แต่วันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโต จะไม่มีอาหารให้เก็บ”(อพยพ 16:23-26) วันสะบาโตถูกย้ำถึงการจัดเตรียมและการงานของพระเจ้าที่สมบูรณ์เพื่อให้เรามาชื่นชมโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรมาเพิ่มเติม ยิ่งไปกว่านั้น ใน ฉธบ.5:12-14   "จงรักษาวันสะบาโต....จะได้พัก" วันสะบาโตเป็นหนึ่งในบัญญัติที่พระเจ้าสั่งไว้ให้รักษา พระเจ้าได้อธิบายต่อว่าทำไมอิสราเอลควรรักษาวันสะบาโต "จงระลึกว่าพวกเจ้าเคยเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้านำเจ้าออกมาโดยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออก ฉะนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าจึงทรงบัญชาให้เจ้ารักษาวันสะบาโต" (ฉธบ. 5:15) วันสะบาโตจึงเป็นวันที่ให้มายอมรับถึงการงานที่พระเจ้าได้ทำสำเร็จแล้วเพื่ออิสราเอลจะได้พัก และไม่ต้องอยู่แบบทาสอีกต่อไปที่ต้องพึ่งการงานของตัวเองเพื่อให้อยู่รอด สุดท้ายในยุคพระคัมภีร์เดิม วันสะบาโต "...เป็นพันธสัญญานิรันดร์..." (อพย.31:16) เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าวันสะบาโตเป็น "...หมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์" (อพย. 31:13)

ฮีบรู 10:1 "บทบัญญัติเป็นแต่เพียงเงาของสิ่งประเสริฐซึ่งจะมาถึง ไม่ใช่ของจริง เพราะเหตุนี้จึงไม่สามารถทำให้ผู้เข้าเฝ้านมัสการสมบูรณ์..." โคโลสี 2:16-17 "เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครมาตัดสินท่านจากสิ่งที่ท่านกินหรือดื่มหรือเกี่ยวกับเทศกาลทางศาสนา ไม่ว่าวันฉลองขึ้นหนึ่งค่ำหรือวันสะบาโต สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเงาของสิ่งที่จะมาภายหลัง ส่วนความจริงแท้พบอยู่ในพระคริสต์" บัญญัติในยุคพระคัมภีร์เดิมรวมถึงวันสะบาโตล้วนเป็น"เงาของสิ่งที่จะมาภายหลัง ส่วนความจริงแท้พบอยู่ในพระคริสต์" ทุกบัญญัติชี้ไปถึงพระเยซู ชี้ถึงพระเยซูว่าเป็นใคร ชึ้ถึงการงานของพระเซู ชี้ถึงผลของการงานของพระเยซูที่มีต่อทุกสรรพสิ่ง บัญญัติทั้งหลายที่ทำในกายภาพก็สำเร็จเป็นนิรันดร์ในพระเยซู เช่นการถวายเครื่องบูชาในพันธสัญญาเดิมที่ต้องถวายซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกๆ ปีไม่มีสิ้นสุด การถวายนี้สุดท้ายก็ชี้ถึงว่าพระเยซูเป็นเครื่องบูชาที่สมบูรณ์และเป็นจริง พระเยซูจึง"...ถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เป็นเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียวเป็นพอ" (ฮีบรู 10:10) "เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย ในเมื่อเรามั่นใจที่จะเข้าสู่อภิสุทธิสถานโดยพระโลหิตของพระเยซู โดยหนทางใหม่อันมีชีวิตซึ่งเปิดให้เราผ่านม่านคือพระกายของพระองค์" (ฮีบรู 10:19-20) เราจึงหยุดถวายเพราะพระเยซู และทุกคนที่เชื่อก็ถูกอภัยบาปทั้งสิ้น "...เมื่อทรงอภัยบาปให้แล้วก็ไม่ต้องมีการถวายเครื่องบูชาสำหรับไถ่บาปอีกเลย" บัญญัติทั้งหลายจึงสำเร็จในพระเยซู


วันสะบาโตก็เป็นเงาที่ช่วยชี้ไปถึงความจริงในพระเยซูเช่นกัน วันสะบาโตจึงเปลี่ยนจากกายภาพเป็นนิรันดร์ วันสะบาโตจึงไม่ใช่เป็นวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์อีกต่อไปแต่เป็นสถานภาพที่ผู้เชื่อมีชีวิตที่พักผ่อนเพราะพระเยซูได้ทำทุกอย่างเพื่อเราแล้ว ได้ทำทุกอย่างเพื่อเราทั้งหลายสามารถกลับมาอยู่กับพ่อ การใช้ชีวิตในสะบาโตแห่งการพักสงบก็เหมือนกับสะบาโตแรก คือมาชื่นชมในการงานของพระเจ้า โดยเฉพาะที่พระเยซูได้ทำไว้บนกางเขนและการเป็นขึ้นจากความตาย ซึ่งเป็นการงานที่สมบูรณ์ไม่มีที่ติ ที่มนุษย์เราไม่สามารถเพิ่มเติมอะไรได้ เราจึงหยุดจากการกระทำที่คิดว่าจะช่วยให้เราดีพอต่อพระเจ้า ให้เราเชื่อว่าการตายบนไม้กางเขนและการเป็นขึ้นเพียงพอแล้วสำหรับให้เราทุกคนที่เป็นผู้เชื่อได้เป็นผู้ชอบธรรมและบริสุทธิ์ หรือดีพอเสมอสำหรับพระเจ้า ทั้งหมดเป็นเพราะพระเยซู เราแค่เชื่อวางใจและใช้ชีวิตตามผลของการงานของพระเจ้า ดังนั้น บนกางเขนพระเยซูจึงพูดออกมาว่า “สำเร็จแล้ว” .....








ไม่มีความคิดเห็น: