ตอนรับเชื่อใหม่ๆมีความสุขมาก (พูดอย่างกับตอนนี้ไม่สุข อิอิ) บางทีมองชีวิตตัวเองตั้งแต่มีพระเจ้ามาจนถึงวันนี้ก็เหมือนชีวิตคู่ของผม ระหว่างผมกับภรรยา
วันแต่งงานนั้นมีความสุขแบบหาจากที่ไหนไม่ได้และความตื่นเต้นที่อีกไม่นานเราจะได้อยู่กับคนที่เรารักบวกกับการรอคอยจากการเตรียมตัวสำหรับวันนั้นมาระยะหนึ่ง กับความรู้สึกที่เหมือนกับใกล้จะถึงจุดหมายปลายทางอันสวยงามของการเดินทางนึง แน่นอนที่ต้องมีความกลัวกับความกังวลกับคำถามมากมาย เช่น อนาคตเค้ากับเราจะเป็นอย่างไร ต่างคนต่างจะเปลี่ยนไปไหม
ตอนนี้ก็ผ่านไปได้มากกว่ายี่สิบปีแล้ว จำได้มีวันหนึ่งได้คิดและมองไปที่ชีวิตคู่ แล้วก็รู้สึก(ขอใช้คำนี้)ยำเกรงพระเจัาขึ้นมา เพราะไม่ใช่แค่รอดมาได้หลายปี แต่ความอัศจรรย์คือตอนนี้รักภรรยาและมีความสุขมากกว่าวันที่แต่งงานอีก ที่บอกยำเกรงพระเจ้านั้นก็เพราะรู้อย่างชัดว่าไม่ใช่ด้วยความสามารถหรือสิ่งใดของเราทั้งสองที่จะอวดได้ โดยเฉพาะท่ามกลางสังคมรวมถึงผู้เชื่อที่มีการหย่าร้างและแตกแยกมากมาย มันง่ายมากที่เราทั้งสองจะมีสิทธิอยู่ในส่วนนั้นซึ่งน่ากลัวมาก จึงขอบอกว่ายำเกรงจริงๆและขอบคุณพระเจ้าด้วย
ความสุขและความรักที่มากขึ้นนั้นเป็นแบบเดียวกับตอนเริ่มต้นไหม ? แน่นอนไม่เหมือน !!
เพราะเราทั้งสองได้ผ่านหลายรสชาติแห่งกาลเวลา เวลามีสุข.. เวลามีทุกข์.. เวลาเฉลิมฉลอง.. เวลาขัดแย้ง.. เวลาสงสัย.. เวลาผิดหรือถูก.. เวลาสิ้นหวัง.. เวลาที่เดินด้วยความเชื่อ.. หรือเวลาที่เดินด้วยหน้าที่อย่างเดียว.. และเชื่อว่าจะมีเวลาอื่นๆที่ต้องผ่านอีกในอนาคต แต่การได้ผ่านเวลาต่างๆเหล่านี้ด้วยกันเป็นองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งที่ให้ความรักกับความสุขของเราสองคนได้โตขึ้น
ในช่วงนั้น บางทีก็ดูเหมือนตัวเองทำอะไรถูก บางทีก็เป็นอีกฝ่ายหนึ่งที่ทำให้ผ่านเหตุการณ์นั้นไปได้ บางเวลาก็เหมือนพระเจ้ากำลังทำบางอย่างอยู่ แต่บางครั้งก็ไม่รู้ผ่านมาได้อย่างไร แล้วค่อยมาเรียนรู้ทีหลัง หรือผ่านไประยะหนึ่งค่อยสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง เช่นได้เห็นถึงความไม่ดีของตัวเอง มองภรรยามีคุณค่ามากกว่าเดิมหรืออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รักและเข้าใจความรักของพระเจ้ามากขึ้น
พอเขียนถึงตรงนี้ก็คิดถึงคำถามว่ามีอะไรที่เป็นตัวช่วยชัดๆ .. นอกเหนือจากตัวเราเองกับพระเจ้า
- ตัวช่วยที่เป็นกำลังใจในเวลาที่เราท้อ
- ตัวช่วยที่เชื่อเราในเวลาที่เราสงสัยตัวเอง
- ตัวช่วยที่โอบกอดเราในเวลาที่เรารู้สึกโดดเดี่ยว
- ตัวช่วยที่ฟังในเวลาที่เหมือนไม่มีใครฟังเรา
- ตัวช่วยที่แสดงความจริงในเวลาที่เราสับสน หรือบางครั้งถึงขั้นเป็นผู้พยุงเราเดินในเวลาที่เราหมดทั้งแรงกายและแรงใจ
พูดอีกแบบหนึ่งก็คือ ... ผู้ช่วยนี้เปรียบเหมือนเป็นตัวแทนพระเจ้าที่มารักเรา ที่เราสามารถแตะต้องสัมผัสและเห็นได้ด้วยตาของเรา ผู้ช่วยนั้นก็คือพี่น้องในพระคริสต์ ผู้ที่บางครั้งก็แตกต่างกับเรามาก บางคนพูดคนละภาษากับเรา บางคนต่างวัยกับเราอย่างมาก บางคนอาจจะต่างฐานะในสังคมกับเรา และบางคนก็มีรสนิยมที่แตกต่างกับเราอย่างที่เราไม่สามารถเข้าใจได้ นี่คงเป็นสิ่งที่อัศจรรย์จริงๆในพระเจ้า อัศจรรย์ที่พระเจ้าสามารถรักเรา ช่วยเรา สัมผัสส่วนลึกของเราผ่านพระคริสต์ที่อยู่ในคนทั้งหลายที่แตกต่างจากเรา!!!
ขอบคุณพระเจ้าที่ชีวิตใหม่ในพระคริสต์นั้น พระเจ้าไม่ได้ให้เราเดินคนเดียว หรือเป็นชีวิตที่เราต้องพิสูจน์อยู่เสมอว่าเราทำได้ เพราะในความเป็นจริงคือบนไม้กางเขนพระเยซูได้ทำทุกอย่างแล้วเพื่อให้เราดีพอและเพื่อให้เราอยู่ในพระคริสต์ร่วมกันเป็นพระกาย ผูกพันกัน รักกัน ร่วมกันในชีวิตใหม่ในพระคริสต์
อยากฟังว่าคุณมีอะไรในชีวิตที่ทำให้คุณยำเกรงพระเจ้าบ้าง อยากฟังเรื่องราวของคุณที่เคยเจอตัวแทนของพระเจ้ามารักคุณ และอยากฟังเรื่องราวที่คุณเป็นตัวแทนของพระเจ้าให้กับคนอื่น....
1 ความคิดเห็น:
หลายคนคงเคยอยู่ท่ามกลางคนมากมายแต่รู้สึกโดดเดี่ยว เงิน การงาน ไม่ได้ช่วยอะไรนอกจากเพิ่มความเหงา วันนี้ได้ยินคุณพ่อ(พระเจ้า) บอกว่าถ้าเรากำลังรอใครสักคนที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่มีแต่ความกลัวและความเงียบ แต่Js สัญญาว่าจะกลับมาแน่นอน มีมัดจำคือ Hs คือความมั่นใจความกลัวหายไปความเชื่อความหวังควาใรักกลับมีชีวิต
แสดงความคิดเห็น