16 มกราคม 2559

: วินิจฉัย vs พิพากษา

ในโบสถ์จะสอนเสมอว่าอย่าไปพิพากษาคนอื่นๆ
แต่พอได้หยุดคิดแล้วสังเกตุสภาพของคริสเตียนทั่วไป โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ไม่มีตำแหน่งเป็นผู้นำ จะพบว่าส่วนใหญ่ในคนกลุ่มนี้สับสนระหว่างการวินิจฉัยกับการพิพากษา พระคัมภีร์ได้บอกไว้ว่าตอนเรามารับเชื่อใหม่ๆนั้นเรารับความรู้และประสบการณ์อย่างง่ายๆที่เราไม่ต้องคิดมาก ซึ่งพระคัมภีร์ก็เปรียบสิ่งเหล่านั้นเหมือนน้ำนมที่เราไม่ต้องใช้แรงมากที่จะแยกแยะวินิจฉัย แต่พอเวลาผ่านไปเราก็ต้องเริ่มกินอาหารแข็ง ส่วนหนึ่งของการกินอาหารแข็งคือการแยกแยะวินิจฉัย พระคัมภีร์บอกให้เราวินิจฉัยวิญญาณที่อยู่เบื้องหลังการสำแดงต่างๆ (1โครินธ์12:10) วินิจฉัยคำเผยพระวจนะว่ามาจากพระเจ้าหรือเปล่า (1โครินธ์ 14:29) และวินิจฉัยคำสอนว่าเป็นคำสอนข่าวประเสริฐเรื่องพระคุณหรือเปล่า (กาลาเทีย 1:6-9; 2:14) 

นี่เป็นสิ่งพื้นฐานที่เราต้องทำ แต่สิ่งที่เห็นคือโบสถ์ไม่ค่อยสอนเรื่องการวินิจฉัย ทำให้ผู้ตามไม่กล้าที่จะวินิจฉัยกลัวว่าความคิดเห็นที่แสดงออกไปนั้นจะกลายเป็นการพิพากษา สุดท้ายการวินิจฉัยเลยตกอยู่กับผู้นำ พระกายก็อยู่ในสภาพที่ไม่โตหรือผิดปกติ ผู้ที่ควรกินอาหารแข็งก็ยังกินน้ำนม บางครั้งจึงเห็นผู้ตามมองหาแต่ผู้นำแทนที่จะมองไปที่พระเจ้า อีกสถานการณ์หนึ่งที่เห็นคือทั้งผู้นำและผู้ตามจะถูกซัดไปซัดมาตามคลื่นคำสอนต่างๆ ซึ่งบางครั้งทำให้หลงจากเป้าหมายที่พระเจ้าให้มาหรือสูญเสียตัวตนไปเลย 

ขอพระเจ้าช่วยพวกเราทั้งผู้นำและผู้ตามให้ลุกขึ้นและยืนอยู่บนความจริงซึ่งเป็นผลจากการวินิจฉัย


อยากอ่านความคิดเห็นจากคุณ ..... ? 


ไม่มีความคิดเห็น: